“สี” คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลายคนเลือกซื้อบ้านหรือห้องชุดสักห้อง หลายคนมีสีในดวงใจ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชอบสีไหนดี เนื่องจากสีมีให้เลือกหลากหลายเฉด และด้วยวิทยาการที่ทันสมัยในปัจจุบันแล้วยิ่งทำให้ความหลากหลายของเฉดสีมีมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงนำทิปส์และแรงบันดาลใจในการเลือกสีที่ใช่ โดยเฉพาะกับที่อยู่อาศัย จากกูรูด้านสี อย่างคุณเจเรมี โรว์ กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิคของผลิตภัณฑ์สีตกแต่งบ้าน อั๊คโซ่ โนเบล มาฝากกัน
- ชอบสีไหน...ถามใจตัวเองสักนิด
ก่อนที่จะลงมือเลือกสี ลองให้เวลากับตัวเองสักนิดในการคิดถึงสีที่คุณชอบด้วยการพิจารณาจากสไตล์เสื้อผ้าและการแต่งตัวของคุณ หรือแม้แต่สีของเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ที่คุณมักจะต้องซื้อถ้าได้เห็นแม้เพียงหางตา คุณชอบสีโทนแบบเข้มๆ แบบเอิร์ทโทน หรือว่าแบบที่สดใสจี๊ดจ๊าด มีส่วนไหนในห้องที่คุณอยากจะเน้นให้ดูเด่นเป็นพิเศษ ระหว่างโซฟา กับภาพวาด ลองนั่งคิดแล้วลิสต์ออกมา คุณก็จะได้ไอเดียคร่าวๆ แล้วว่าสีแบบไหน โทนไหนที่โดนใจคุณมากที่สุด
- อารมณ์ก็มีผลต่อการเลือกสี
ทราบหรือไม่ว่าสีต่างๆ นั้นมีอิทธิพลต่อบรรยากาศของสถานที่นั้นๆ ห้องที่มีสีสันสดใสอย่างโทนสีแดง ส้ม และเหลืองจะสร้างพลังงานและความสดใสให้กับคุณ สีโทนเย็นๆ อย่างสีฟ้าและสีม่วงจะทำให้คุณรู้สึกสงบและเยือกเย็น ส่วนสีเขียวจะทำให้ผู้อาศัยรู้สึกสดชื่นแบบที่ไม่ต้องขึ้นไปยืนบนไหล่เขาได้ ดังนั้น คุณอยากให้ตัวเองมีบรรยากาศไหนมากที่สุด ลองนำข้อนี้ไปพิจารณาดู
โดยปกติแล้วโทนสีที่ควรเลือกมาใช้ทาพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสีพื้นๆ โดยมีสีที่เข้มๆ แจ่มๆ มาตัดเป็นสีรอง การเลือกใช้สีที่มายืนพื้นสัก 1-2 สีผสมกับการใช้สีตัดเพื่อทำให้แตกต่าง อาจจะเป็นในแต่ละมุมหรือแต่ละห้อง จะทำให้คาร์แรคเตอร์ของมุมหรือห้องนั้นๆ โดดเด่นและแตกต่าง หากคุณไม่แน่ใจว่าจะใช้สีไหนตัดกับสีไหนดี ลองหาตัวช่วยอย่าง “วงจรสี” (Colour Wheel) มาใช้จะช่วยให้คุณได้ไอเดียว่าพื้นห้องสีฟ้าอ่อนควรจะหาสีไหนมาตัดในแบบที่ไม่ต้องเสี่ยงซื้อและทากับผนังจริงๆ หรือหากอยากได้สีแบบตัดๆ จะเลือกสีไหนมาตัดแล้วถึงจะเวิร์ค
เชื่อหรือไม่ว่า คุณสามารถเนรมิตห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งให้ดูกว้างและมีมิติขึ้นได้ด้วยการใช้สีที่ถูกต้อง สีอ่อน โทนเย็นๆ นอกจากจะทำให้ห้องดูเย็นแล้วยังให้ความรู้สึกว่าห้องกว้างขึ้น ในขณะที่สีทึบๆ จะทำให้ดูคับแคบและอึดอัด หากคุณอยากให้เพดานฝ้าดูสูงโปร่งขึ้น ลองทาสีพื้นด้วยสีเข้มๆ ส่วนสีผนังใช้โทนกลางๆ และสีเพดานโทนอ่อนๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ห้องที่ดูโปร่งขึ้น นอกจากนี้ ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ อาทิ ทำเลที่ตั้ง แสงสว่าง เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งก็มีผลต่อองค์ประกอบโดยรวมของห้องเช่นกัน
แน่นอนว่าสีเด่นๆ สามารถทำให้องค์ประกอบต่างๆ ของห้องดูน่าสนใจขึ้นได้ การเลือกใช้สีเข้มหรือสีโทนจัดๆ เพื่อทำให้เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องดูโดดเด่น เช่น ทาสีผนังห้องด้วยสีแดงสดใสเพื่อแปลงเป็นพื้นหลังของทีวีติดผนังจอใหญ่ ในทางตรงกันข้าม สีเดียวกันแต่มีโทนสีที่อ่อนลงยังสามารถช่วยซ่อนองค์ประกอบของห้องที่ไม่ต้องการได้ เช่น หน้าต่างที่วางไม่ได้องศา หรือแนวเพดานที่เบี้ยวเล็กน้อย หากต้องการไฮไลท์บริเวณผนัง ให้เลือกใช้โทนสีที่ตัดกับสีของพื้นผิว
หากคุณอยากลองทาสีเข้ม แต่ไม่แน่ใจว่าจะเวิร์คหรือไม่ ให้เลือกทาตรงมุมหรือโซนเล็กๆ ภายในห้องดูก่อน
ปัจจุบันโทนสีหม่นๆ แบบไล่เฉดสีกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม วิธีทำง่ายๆ โดยเริ่มจากการแบ่งผนังออกเป็น 3 ส่วนและทาสี (ในโทนเดียวกัน) ไล่จากโทนเข้มโดยเริ่มจากบริเวณที่ติดกับพื้นห้องมากที่สุด ไล่ไปจนถึงโทนปานกลาง และโทนสีอ่อนซึ่งอยู่ใกล้กับเพดาน ใช้แปรงทาสีแห้งๆ ทาเกลี่ยบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างสีโดยเลือกตอนที่สียังไม่แห้งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
อีกหนึ่งวิธีในการสร้างสีสันให้กับผนังห้องคือการทาสีเป็นรูปแบบต่างๆ เช่นเป็นลายขวาง หรือเลือกแบบลายสำเร็จรูปซึ่งมีขายตามร้านอุปกรณ์ DIY ทั่วไป
จริงๆ แล้ว การเลือกใช้สีนั้น ไม่ได้มีกฎที่ตายตัวว่าคุณจะต้องใช้กี่สี ขอเพียงแค่คุณทำให้เกิดความสมดุล หากคุณมีไอเดียอยากใช้สีแปลกๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ลองใช้ได้ตามจินตนาการที่สร้างสรรค์ได้เลย